นานมาแล้ว มิติของอวกาศถูกค้นพบโดยมนุษย์และสามารถแปรค่าสิ่งต่าง ๆ ออกมาเป็นสูตรคํานวณได้โดยนักปรัชญาชาวกรีกนามว่า “ยุคลิด” มิติของเวลาก็เช่นกัน ในอดีตตั้งแต่ก่อนยุคสมัยของจักรวรรดิอินคา ได้มีหลักฐานการคํานวณเวลาปรากฏขึ้นบนโลก และถูกนําไปใช้บัญญัติเป็นหน่วยนับเวลาโดยกาลิเลโอ นอกจากนี้เวลายังถูกกําหนดให้เป็นค่าหลักอย่างหนึ่งในทฤษฎีความโน้มถ่วงของ “อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์” อีกด้วย
เช่นเดียวกับมิติของอวกาศและมิติของเวลา มิติของจิตก็ถูกค้นพบโดย “พระสัมมาสัมพุทธเจ้า” มาอย่างยาวนาน เมื่อท่านตรัสรู้ ท่านทรงค้นพบมิติของจิตในแง่มุมต่าง ๆ เช่น ธรรมชาติของจิต กระบวนการทํางานของจิต พลังจิต การใช้งานจิต และการทําจิตให้เป็นอิสระ
มนุษย์รู้จักอวกาศและเวลาเป็นอย่างดี และเรื่องเหล่านี้ถูกพัฒนาเพื่อใช้วิจัยในเชิงวิทยาศาสตร์อย่างกว้างขวาง ทว่า มิติของจิตนั้นกลับยังไม่มีการเข้าถึงอย่างกว้างขวางมากนัก และยังไม่ถูกนํามาปรับใช้กับด้านเทคโนโลยีเท่าที่ควร
ธรรมชาติของ อวกาศ เวลา และจิต
อวกาศ เป็นมิติของความว่างที่ไร้ขอบเขตอันเป็นมิติที่สสารสามารถดํารงอยู่ได้ มิติของอวกาศเป็นหน่วยวัดที่เกิดจากการคํานวณขนาดของสสารเทียบกับความว่าง
เวลา เป็นหน่วยวัดการเคลื่อนไหวของการเปลี่ยนแปลงของสสารซึ่งกําหนดได้จากการเปลี่ยนแปลงของระยะทางและสถานะการดํารงอยู่
จิต คือ การตระหนักรู้ในธรรมชาติของอวกาศ เวลา และตัวจิตเอง มิติของจิตนั้นอยู่เหนืออวกาศและเวลา กระบวนการทํางานของจิตรวมไปถึงอารมณ์ ความรู้สึก ความเข้าใจ ความจํา การระลึกได้ การครุ่นคิด การพิจารณา การตัดสินใจ การสั่งการ ผลลัพธ์โดยรวมของจิต นําไปถึงการมีสติ สมาธิ ปัญญา อิสรภาพ และความบริสุทธิ์หลุดพ้น
บทบาทสูงสุดของ อวกาศ เวลา และจิต
อวกาศ คือต้นกําเนิดที่ก่อให้เกิดรูปแบบของพลังงานต่าง ๆ อนุภาคต่าง ๆ ที่วิ่งอยู่ในพื้นที่ ก่อให้เกิดการประกอบขึ้นของวัตถุ และการสลายไปของวัตถุเพื่อกลับสู่รูปของพลังงาน
เวลา เป็นสิ่งที่ทําให้เกิดขึ้น เจริญเติบโต เสื่อมสลาย และดับไป
จิต เป็นสิ่งที่ทําให้เกิดปัญญาและความไม่รู้ (อวิชชา) การสร้างสรรค์และการทําลายล้าง ศีลธรรมและความชั่วช้า ความสุขและความทุกข์ ความสัมพันธ์และการจากลา ความเป็นระเบียบและความยุ่งเหยิง การกักขังและอิสรภาพ การเจือปนและความบริสุทธิ์ ความชราภาพและความเป็นนิรันดร์ สภาพของอวกาศและกาลเวลาจะผันตามจิตสํานึกโดยรวมของมวลจิตในอวกาศนั้น ๆ กาลเวลานั้น ๆ
การเดินทางผ่านห้วงอวกาศ การเดินทางผ่านกาลเวลา และการเดินทางผ่านจิต
การเดินทางผ่านห้วงอวกาศ คือสิ่งที่มนุษยชาติในปัจจุบันใช้เพื่อนําพาเราเดินทางจากโลกไปยังจักรวาลที่อยู่ไม่ไกล เมื่อเทียบแล้วก็ยังนับว่าเป็นการเดินทางในระยะใกล้ การเดินทางสู่ห้วงอวกาศยังใช้เวลานาน และอาจเทียบได้ว่าเป็นเทคโนโลยีขั้นแรกเท่านั้น
การเดินทางโดยเวลาหรือการเดินทางข้ามเวลา ถูกใช้อย่างแพร่หลายโดยสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก ซึ่งอีกไม่นาน มนุษยชาติก็จะมีโอกาสได้ใช้เทคโนโลยีนี้ด้วย การเดินทางผ่านเวลาจะนําพามนุษย์ให้เดินทางได้ไกลขึ้น และเร็วขึ้นมาก เมื่อเทียบกับการเดินทางผ่านอวกาศในปัจจุบัน นับได้ว่าเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงกว่าการเดินทางผ่านอวกาศ
การเดินทางของจิต จะใช้กันโดยมากในหมู่โยคี เทวดา และพระสงฆ์ในพุทธศาสนา โดยใช้ได้ทันทีที่ต้องการ ทุกที่ ทุกเวลา นับว่าเป็นเทคโนโลยีระดับสูงสุด
สรุป
เหนือกว่าวัตถุคือพลังงานควอนตัม เหนือกว่าวัตถุและพลังงานคืออวกาศและจักรวาล เหนืออวกาศและจักรวาลคือเวลา เหนือกาลเวลาคือจิต ดังนั้นเพื่อที่มนุษย์เราจะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพได้ มนุษย์จําเป็นต้องศึกษา สังเกตการณ์และวิจัยจิตใจในเชิงลึก ใช้ประโยชน์ในวิชาของจิตศาสตร์ เพื่อพัฒนาปรับปรุงชีวิต วิทยาศาสตร์ และจักรวาลให้ดียิ่งขึ้น
แปล: วรวุฒิ อัจฉริยศรีพงศ์
Image Credit: istockphoto.com/pepifoto
Editor: Siripen Sutharoj
Nitinart Chartsiriwatana
© UttayarnDham Foundation